เงินเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต แต่การบริหารเงินอย่างไม่รอบคอบอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สินที่ยากจะแก้ไข ภาระหนี้ครัวเรือนของคนไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยมีสาเหตุหลักจากการใช้จ่ายเกินตัว รวมถึงขาดวินัยในการใช้จ่าย
การแยกแยะระหว่าง 'หนี้จำเป็น' และ 'หนี้ไม่จำเป็น' จึงเป็นกุญแจสำคัญในการบริหารจัดการหนี้สิน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับหนี้ทั้งสองประเภท วิธีประเมินความจำเป็น และจัดการหนี้จำเป็นอย่างเหมาะสม เพื่อให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
สถานการณ์หนี้ครัวเรือนในไทย
ประเด็นหนี้ครัวเรือนไทยยังมีความเปราะบางสูงจาก 3 ปัจจัยหลักที่มาจากเศรษฐกิจและระดับรายได้ฟื้นช้า จึงส่งผลให้ประชาชนต้องพึ่งพาเงินกู้มากขึ้น ประกอบกับต้นทุนทางการเงินสูงกว่าในอดีต ตัวเลขสินเชื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออุปโภคบริโภค ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งพฤติกรรมการก่อหนี้โดยขาดวินัยทางการเงินที่ดี ดั้งนั้น การจัดการหนี้สินอย่างชาญฉลาดเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการวางแผนทางการเงินที่ดี
หนี้จำเป็น vs. หนี้ไม่จำเป็น คืออะไร?
หนี้จำเป็น คืออะไร?
หนี้จำเป็น เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
· หนี้เพื่อที่อยู่อาศัย ได้แก่ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมแซมบ้าน ค่าจดทะเบียนสิทธิ์ เป็นต้น ซึ่งการมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่งถือเป็นความจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์
· หนี้เพื่อการศึกษา อาทิ ค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าอุปกรณ์การเรียน เป็นการลงทุนในมนุษย์เพื่อเพิ่มโอกาสในอนาคตและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
· หนี้เพื่อสุขภาพและการรักษาพยาบาล เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่ายา ค่าประกันสุขภาพ เนื่องจากสุขภาพถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการดำรงชีวิต
· หนี้เพื่อการประกอบอาชีพ ได้แก่ ค่าอุปกรณ์ในการทำงาน ค่าจัดตั้งร้านค้า/ธุรกิจ ค่าปรับปรุงสถานที่ทำงาน ซึ่งเป็นการลงทุนเพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว
· หนี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น ค่าประกันภัย ค่าติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย เป็นต้น
หนี้เหล่านี้ไม่ได้ทำให้ฐานะทางการเงินดีขึ้นทันที แต่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสและความมั่นคงในอนาคต นับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต
หนี้ไม่จำเป็น คืออะไร?
ในทางตรงกันข้าม หนี้ไม่จำเป็น คือหนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายในสิ่งฟุ่มเฟือยหรูหราเกินตัว อย่างเช่น การจับจ่ายซื้อสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมราคาแพง อุปกรณ์เทคโนโลยีทันสมัยที่ราคาสูงเกินตัว เพื่อตอบสนองความสะดวกสบาย รถยนต์ราคาแพง การไปเที่ยวพักผ่อนที่หรูหราเกินความจำเป็น หรือการใช้จ่ายในสิ่งฟุ่มเฟือยจากความชอบหรือตามเทรนด์ต่าง ๆ
สิ่งเหล่านี้เพียงแต่จะสร้างความพึงพอใจเพียงชั่วคราว แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดคุณค่าดี ๆ ในระยะยาว และยังมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เราตกอยู่ในวังวนของการเป็นหนี้ ซึ่งไม่คุ้มค่าอย่างแน่นอน เมื่อต้องแลกกับคุณภาพชีวิตที่ต้องแบกรับภาระหนี้สินอันหนักอึ้งไปตลอด
4 คำถามดึงสติก่อนใช้จ่าย
การรู้จักถามคำถามกับตัวเองอย่างรอบคอบ ว่าสิ่งที่จะใช้จ่ายนั้นเป็นหนี้ประเภทใด จำเป็นมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าหากสามารถแยกแยะได้ก่อนที่จะใช้จ่าย จะช่วยควบคุมรายจ่ายและสามารถบริหารจัดการหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
1. ฉันซื้อสิ่งนี้เพราะมันจำเป็นหรือเพียงแค่อยากได้?
จำไว้ว่าของที่จำเป็นคือของที่เราไม่สามารถใช้ชีวิตได้โดยปราศจากสิ่งเหล่านี้ เช่น อาหาร ยารักษาโรค ที่พักอาศัย เสื้อผ้า นั่นก็คือปัจจัย 4 นั่นเอง
2. สิ่งนี้จะช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของฉันในระยะยาวหรือไม่?
หากสิ่งเหล่านี้ช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือช่วยประหยัดเวลา/เงินในระยะยาวได้ แสดงว่าเป็นหนี้ที่จำเป็น เช่น เครื่องมือ อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ การศึกษา
3. ฉันมีเงินเก็บพอที่จะจ่ายเต็มจำนวนหรือไม่? หรือ ฉันจะสามารถผ่อนชำระได้อย่างไร?
ก่อนตัดสินใจใช้จ่าย ต้องประเมินความสามารถของตนเองว่ามีเงินเก็บเพียงพอที่จะรองรับการใช้จ่ายนั้นหรือไม่ หรือสามารถจ่ายค่าผ่อนชำระรายเดือนของสิ่งเหล่านั้นได้โดยไม่เป็นภาระในการดำเนินชีวิตหรือไม่
4. ฉันมีทางเลือกอื่นที่ประหยัดกว่าไหม?
ยังไม่ต้องด่วนตัดสินใจ ลองทบทวนกับตัวเองดูใหม่ บางทีเราสามารถหาสิ่งที่คล้ายกันได้ในราคาที่ถูกกว่า หรือเราสามารถยืมสิ่งเหล่านี้จากเพื่อน/สมาชิกในครอบครัวได้
การวางแผนทางการเงินและใช้จ่ายอย่างรอบคอบนับเป็นรากฐานสำคัญของการมีชีวิตที่ดี เพราะเราจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนในสิ่งจำเป็น ดังนั้นก่อนตัดสินใจที่จะใช้จ่าย ควรคำนึงถึงความจำเป็นและผลกระทบระยะยาว รวมถึงเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสมเพื่อให้การบริหารจัดการหนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ในกรณีนี้ บัตรกดเงินสดนับเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับหนี้จำเป็น เนื่องจากสามารถจัดการค่าใช้จ่ายในยามจำเป็น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือสถานการณ์จำเป็นที่อาจจะทำให้เกิดหนี้จำเป็นได้ เราสามารถวางแผนผ่อนชำระคืนตามวงเงินและระยะเวลาที่เหมาะสมได้ ทำให้สามารถควบคุมการใช้จ่าย จัดการหนี้ และวางแผนการเงินได้อย่างเหมาะสม อย่างบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสที่มีอัตราดอกเบี้ย 0% นานถึง 30 วัน* สามารถทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มวงเงินออนไลน์ ชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน กดเงินสดไม่ใช้บัตร หรือบริการสั่งเงินโอนเข้าบัญชี ที่สามารถทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง และอื่น ๆ อีกมากมาย หรือหากสมัครไว้แล้วไม่ได้ใช้ก็ไม่เกิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น มีไว้อุ่นใจ
หากสนใจสามารถสมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสผ่านทางออนไลน์ได้ที่ https://www.umayplus.com/cashcard/applyform ตลอด 24 ชั่วโมง
หมายเหตุ
*เพียงมียอดเบิกถอนเงินสดภายใน 30 วันหลังจากได้รับการอนุมัติ (เฉพาะยอดเบิกถอนภายในวันแรก สำหรับลูกค้าใหม่) หลังจบรายการส่งเสริมการขายอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ย 19.8% - 25% ต่อปี, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว