บัตรกดเงินสด คือสินเชื่อส่วนบุคคลที่เป็นตัวช่วยทางการเงินยามจำเป็นให้กับใครหลายคน นอกจากใช้กดเงินสดได้แล้ว บัตรบางประเภทยังสามารถใช้รูดผ่อนสินค้าได้ด้วย โดยบัตรกดเงินสดส่วนใหญ่จะมีอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมสูงสุดอยู่ที่ 25% ต่อปี ทั้งนี้ การเป็นเจ้าของบัตรกดเงินสดสักใบ นอกจากจะต้องรู้อัตราดอกเบี้ยแล้ว เราอยากให้คุณทราบถึงเทคนิคการใช้บัตรอย่างถูกวิธี รวมไปถึงวิธีคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสด ข้อดี - ข้อเสียของการชำระเงินในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงข้อควรระวังในการใช้บัตรด้วย เพื่อจะได้บริหารจัดการเงินอย่างถูกวิธี และสามารถใช้ประโยชน์จากบัตรกดเงินสดได้สูงสุด
 
เคล็ดลับใช้บัตรกดเงินสดอย่างมืออาชีพ
 
o อย่ากดเงินจากบัตรเพลินจนเกินห้ามใจ ควรจำกัดวงเงินในการใช้จ่าย
การจำกัดวงเงินในการใช้บัตรอย่างชัดเจน เป็นสิ่งที่ควรทำในทุกๆ เดือน โดยประเมินจากรายรับ - รายจ่ายเฉลี่ยของตัวเองในเดือนที่ผ่านๆ มา แล้วดูว่ามีกำลังชำระในส่วนของบัตรกดเงินสดมากน้อยแค่ไหน ไม่แนะนำให้รูดผ่อนสินค้า หรือกดเงินออกมาใช้จนเต็มวงเงินในทุกๆ เดือน และควรใช้บัตรในกรณีจำเป็นเท่านั้น 
 
o การมีเงินสดสำรองอยู่กับตนเองอย่างน้อย 50% ของเงินที่ต้องการกดออกมาใช้
เนื่องจากการมีเงินสดสำรองอยู่กับตัวเองอย่างน้อย 50% ของเงินที่ต้องการกดออกมาใช้ จะทำให้การชำระเงินในรอบบิลถัดไปได้อย่างเพียงพอ หรือเกินจำนวนเพื่อทบกับรอบบิลถัดไปอีกรอบ
 
 
 
o ชำระเงินเต็มจำนวน ตรงกำหนดวันครบชำระ
การชำระเงินเต็มจำนวน ตรงตามเวลาเป็นสิ่งที่ดีและควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการใช้บัตรกดเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
ทำให้คุณรักษาสถานะการเป็นลูกค้าชั้นดี อาจได้รับวงเงินในบัตรกดเงินสดเพิ่มขึ้น โดยเราขออธิบาย “วิธีคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสด” แบบเข้าใจง่ายๆ ให้ทุกคนได้ทราบไว้เป็นข้อมูลเบื้องต้น ดังนี้
 
 
 
(จำนวนเงินสดที่กดออกมา X อัตราดอกเบี้ย % ต่อปี X จำนวนวันที่กู้ยืม 
นับตั้งแต่วันที่กดเงินสดออกมา จนถึงวันที่สรุปยอดบัญชีของแต่ละธนาคาร)
_________________________________________________________
365 
 
 
ยกตัวอย่าง: 
o กดเงินสด 10,000 บาท เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 
o วันสรุปยอดบัญชี คือ วันที่ 8 กันยายน 
o จำนวนวันที่กู้ยืม นับตั้งแต่วันที่กดเงินสด (วันที่ 5 สิงหาคม) จนถึงวันที่สรุปยอดบัญชี (วันที่ 8 กันยายน) คือ 35 วัน
o ดอกเบี้ย 25% ต่อปี 
 
สรุปดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากการกดเงินสด (10,000 x 25% x 35) ÷ 365 = 239.73 บาท
 
o อย่างน้อยควรจ่ายขั้นต่ำเพื่อรักษาประวัติ
หากเงินไม่พอชำระแบบเต็มจำนวนจะทำให้มียอดดอกเบี้ย 2 ต่อ เพราะการคิดดอกเบี้ยของบัตรกดเงินสดจะนับตั้งแต่วันที่กดเงินสดออกมาหรือวันที่รูดผ่อนสินค้า และมีดอกเบี้ยของการชำระแบบขั้นต่ำหรือการชำระไม่เต็มจำนวนด้วย แต่อย่างไรแล้วการชำระเงินโดยการจ่ายเพียงแค่ขั้นต่ำก็ยังเป็นวิธีที่ดีกว่าการไม่ชำระเงินเลย
 
o จ่ายขั้นต่ำแต่เกินยอดที่กำหนด
การชำระบัตรกดเงินสดแบบขั้นต่ำ แต่ชำระเกินยอดขั้นต่ำที่กำหนด เช่น ยอดชำระขั้นต่ำ 1,000 บาท แต่คุณชำระ 1,500 บาท วิธีนี้ถือว่าดีกว่าการจ่ายขั้นต่ำแบบตรงตามยอดกำหนด เพราะบัตรกดเงินสดคิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอก เมื่อคุณจ่ายเกินยอดขั้นต่ำ จะช่วยให้ยอดชำระในงวดถัดไปลดลง และจะเสียดอกเบี้ยน้อยลงกว่าเดิมด้วย
 
การเป็นเจ้าของบัตรเงินสดสักใบ นับว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะถือว่าคุณมีเงินสดไว้ใช้ในยามจำเป็น หากไม่ได้กดเงินออกมาใช้ หรือไม่ได้รูดผ่อนสินค้า ก็จะไม่เกิดหนี้หรือดอกเบี้ยใดๆ ทั้งสิ้น อย่าลืมข้อควรระวังตามที่เราบอกไป และต้องวางแผนการเงินให้ดี 
 
ทั้งนี้ ก็มีบัตรกดเงินสดของสถาบันการเงินบางแห่ง ที่คิดดอกเบี้ยต่ำกว่า 25% ต่อปี เช่น บัตรกดเงินสดยูเมะพลัสพรีเมียร์ ที่คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก โดยคิดอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินอยู่ที่ 19.8%* ต่อปี มีการมอบสิทธิพิเศษให้ เช่น กดเงินสดดอกเบี้ย 0% นาน 30 วัน ดังนั้นก่อนสมัครบัตรกดเงินสด หรือก่อนใช้บัตร ควรศึกษารายละเอียด รวมถึงข้อกำหนดต่างๆ ของบัตรนั้นๆ ให้ดีเสียก่อน เลือกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง เพราะบัตรกดเงินสดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เราจะได้ใช้ประโยชน์จากบัตรได้อย่างสูงสุดด้วย