เมื่อพูดถึง ‘บัตรกดเงินสด’ หลายคนอาจนึกถึงภาพของดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายสูง เสียค่าธรรมเนียมแพง ทำให้หลายคนเกิดความกลัวและกังวลจนไม่กล้าใช้หรือเลี่ยงที่จะใช้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว บัตรกดเงินสดนั้น หากใช้อย่างถูกวิธีและชำระคืนตามกำหนด ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายนั้นไม่ได้สูงมากกว่าการกดเงินสดจากบัตรเครดิตเลย

ในบทความนี้เราจะพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับบัตรกดเงินสด และดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด พร้อมทั้งเรียนรู้ข้อดีและข้อควรระวังในการใช้บัตรกดเงินสดกัน

 

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘บัตรกดเงินสด’

‘บัตรกดเงินสด’ เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลในรูปแบบบัตรที่สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการทางการเงินออกให้แก่ลูกค้า เพื่ออนุญาตให้สามารถเบิกถอนเงินสดไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ ภายในวงเงินสูงสุดที่ได้รับอนุมัติโดยทั่วไปวงเงินบัตรกดเงินสดนั้นจะได้รับอนุมัติไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ผู้สมัคร ซึ่งถือเป็นวงเงินที่สูงพอสมควรสำหรับการหมุนเวียนใช้จ่ายได้ตามความจำเป็น

ส่วนดอกเบี้ยจะเป็นแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ซึ่งแต่ละสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการทางการเงินจะเป็นผู้กำหนดอัตราดอกเบี้ยขึ้นเอง โดยจะคิดดอกเบี้ยสูงสุด 25% ต่อปี

 

4 ข้อดีของการมี ‘บัตรกดเงินสด’ ติดตัว

บัตรกดเงินสดถือเป็นตัวช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ใช้งานได้อย่างทันท่วงทีเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อีกมากมายที่คุณอาจคิดไม่ถึง

1. เบิกถอนเงินสดได้สะดวก

การสามารถเข้าถึงเงินสดได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับสถานการณ์จำเป็นหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ต้องการใช้เงินสดอย่างเร่งด่วน เช่น ค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยกะทันหัน ค่าซ่อมยานพาหนะชำรุดระหว่างการเดินทาง หรือกรณีต้องออกค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

บัตรกดเงินสดจึงสามารถช่วยแก้ปัญหาเมื่อเงินสดในมือไม่เพียงพอได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอให้ถึงวันเงินเดือนออกหรือต้องไปขอยืมเงินผู้อื่น ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เกิดความอึดอัดใจหรือนำไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ตามมา นอกจากนี้ยังเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและถูกกฎหมายมากกว่าการกู้เงินนอกระบบ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินควร

2. ได้วงเงินที่สูง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า โดยปกติแล้วธนาคารและสถาบันการเงินจะอนุมัติวงเงินบัตรกดเงินสดสูงสุดถึง 5 เท่าของรายได้ต่อเดือนของผู้สมัคร และนับเป็นวงเงินที่สูงมากเมื่อเทียบกับสินเชื่อประเภทอื่น ๆ ซึ่งวงเงินสูงในลักษณะนี้ทำให้ผู้ถือบัตรกดเงินสดมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดี สามารถเบิกถอนเงินสดได้จำนวนมากพอสำหรับใช้จ่ายครั้งใหญ่ หรือเป็นเงินทุนสำหรับการลงทุนและการประกอบอาชีพเสริม

นอกจากนี้ การมีวงเงินสูงก็ยังช่วยลดความจำเป็นที่จะต้องสมัครบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดหลายใบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความยุ่งยากในการติดตามการชำระเงิน รวมถึงดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่อาจสูงขึ้นตามจำนวนบัตร

3. ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องนำทรัพย์สินหรือหลักประกันมาค้ำ ซึ่งแตกต่างจากสินเชื่อประเภทอื่น ๆ เช่น สินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพ สินเชื่ออเนกประสงค์ หรือสินเชื่อส่วนบุคคลในบางประเภท ฯลฯ ที่มักจะต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน รถยนต์ หรือหลักทรัพย์อื่นใดก็ตาม

การไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันนี้ถือเป็นข้อดีที่สำคัญของบัตรกดเงินสด เพราะทำให้กระบวนการขอสมัครและอนุมัติวงเงินนั้นรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมเอกสารต่าง ๆ นอกจากนี้ การที่ไม่ต้องนำทรัพย์สินมาค้ำประกันยังช่วยลดความเสี่ยงที่ทรัพย์สินนั้น ๆ จะถูกยึด ในกรณีที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

4. ผ่อนชำระรายเดือนได้

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้บัตรกดเงินสดเป็นทางเลือกที่น่าสนใจคือ สามารถผ่อนชำระค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยเป็นรายเดือน การผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือนนี้ ช่วยแบ่งเบาภาระและไม่กระทบต่อสภาพคล่องทางการเงิน แตกต่างจากสินเชื่อบางประเภทที่อาจจะต้องชำระทั้งหมดทันทีเมื่อถึงกำหนดเวลา

สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการทางการเงินจะเป็นผู้กำหนดระยะเวลาการผ่อนชำระตามความเหมาะสม โดยพิจารณาจากวงเงินและรายได้ของผู้สมัครบัตร

 

ข้อควรระวังในการใช้บัตรกดเงินสด

การใช้บัตรกดเงินสดนั้นมีข้อควรระวังหลายประการที่ผู้ใช้บริการจำเป็นต้องให้ความสำคัญและระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สินและภาระทางการเงินตามมาในภายหลัง

1. กำหนดวงเงินการใช้งานในแต่ละเดือนให้เหมาะสมกับรายได้และความสามารถในการชำระหนี้

ไม่ควรสมัครบัตรกดเงินสดหลายใบและใช้วงเงินเกินความสามารถในการชำระคืนของตนเอง เนื่องจากหากกู้วงเงินสูงเกินไป เมื่อถึงกำหนดชำระอาจไม่สามารถหาเงินมาผ่อนชำระได้ทัน ส่งผลให้ต้องแบกรับภาระหนี้สินและดอกเบี้ยสะสมสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สินเป็นวังวนได้

2. วางแผนการชำระหนี้ให้มีวินัย

ก่อนตัดสินใจสมัครบัตรกดเงินสด ควรวางแผนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยให้รอบคอบ พร้อมทั้งมีวินัยในการผ่อนชำระค่างวดทุกเดือนตรงตามกำหนดเวลา การค้างชำระหรือผิดนัดชำระจะส่งผลให้ดอกเบี้ยทบต้นสูงขึ้น และต้องแบกรับภาระหนี้สินที่หนักขึ้นตามไปด้วย

3. ศึกษาและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลายแหล่ง

ก่อนสมัครบัตรกดเงินสด ควรศึกษารายละเอียดอัตราดอกเบี้ยจากหลาย ๆ สถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการทางการเงินว่ามีวิธีการคิดดอกเบี้ยอย่างไรบ้าง แล้วเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดเพื่อสมัครใช้งาน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยบัตรกดเงินสดแต่ละแห่งอาจมีความแตกต่างกันพอสมควร

 

การใช้บริการบัตรกดเงินสดนั้นควรศึกษาการใช้งานให้รอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด หากคุณกำลังมองหาบัตรกดเงินสดที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ยูเมะพลัสเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างยิ่ง ด้วยการคิดดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด เริ่มต้นเพียง 19.8% ต่อปี นอกจากนี้ ยังมีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรที่สามารถกดเงินสดโดยคิดดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน 30 วัน* อีกทั้งยังสามารถผ่อนชำระสินค้าได้ในอัตราดอกเบี้ย 0% นานถึง 20 เดือน** (ขึ้นอยู่กับร้านค้าและโปรโมชันในแต่ละช่วงเวลา)

ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาบัตรกดเงินสดที่สามารถใช้ทั้งกดเงินสดและผ่อนสินค้าได้ บัตรกดเงินสดยูเมะพลัสคือคำตอบที่ใช่ ที่สำคัญสามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ https://www.umayplus.com/cashcard/applyform สำหรับผู้ที่สนใจและมีข้อสอบถามใด ๆ เพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-695-0000

 

หมายเหตุ:

*เพียงมียอดเบิกถอนเงินสดภายใน 30 วันหลังจากได้รับการอนุมัติ (เฉพาะยอดเบิกถอนภายในวันแรก สำหรับลูกค้าใหม่) หลังจบรายการส่งเสริมการขายอัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับเป็นอัตราดอกเบี้ย 19.8% - 25% ต่อปี

**อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อผ่อนชำระ 16.44% - 25% ต่อปี, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส