สำหรับใครที่กำลังวางแผนว่าจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ มาดูอัปเดต 5 สถานที่เที่ยวทั่วโลกที่น่าสนใจกันดีกว่า
1. เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
เกียวโต เมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นในยุคเฮอัน เป็นหนึ่งในเมืองที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยวัดวาอาราม ศิลปะ และ สถาปัตยกรรมเก่าแก่อันงดงาม โดยสถานที่ท่องเที่ยวในเกียวโตส่วนมากจะเป็น ศาลเจ้า วัด พิพิธภัณฑ์ และพระราชวังเก่า เช่น ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimiinari-taisha) ไฮไลท์ของที่นี่คือเสาโทริอิสีแดงเรียงรายตลอดทางขึ้นยอดเขารวม 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินชมประมาณ 2-3 ชั่วโมง, วัดคิโยมิสึ (Kiyomizu-dera) หรือที่เรียกกันว่าวัดน้ำใส ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากความสวยงาม และความเก่าแก่ ผู้คนนิยมขอพรเรื่องสุขภาพ การงาน และความรัก รวมไปถึงเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียง ระหว่างทางเดินขึ้นไปยังวัด สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าของฝากมากมาย หรือถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศอาจเดินทางออกไปไกลจากตัวเมืองเกียวโตอีกสักหน่อยเพื่อเยี่ยมชมหมู่บ้านชาวประมงอิเนะ (Ine) ซึ่งเป็นบ้านที่มีอู่เทียบเรืออยู่ชั้นล่างของบ้านแต่ละหลัง ที่เรียกว่า “ฟุนายะ (Funaya)”
ในเกียวโตยังมีสถานที่ท่องเที่ยวด้านศิลปะวัฒนธรรมที่น่าสนใจอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น วัดคินคะคุจิหรือวัดทอง (Kinkaku-ji), วัดกินคะคุจิหรือวัดเงิน (Ginkaku-ji), ป่าไผ่อาราชิยามะ และ แหล่งถนนคนเดินอย่างย่านการค้ากิออน (Gion) เป็นต้น ซึ่งอาจมีโอกาสได้พบเห็นเหล่าไมโกะ (เกอิชาฝึกหัด) และเกอิชาอีกด้วย นอกจากย่านกิออนจะเป็นย่านการค้าแล้วยังเป็นย่านที่พักอาศัยของชาวเกียวโตอีกด้วย จึงอย่าลืมปฏิบัติตามกฎของสถานที่อย่างเคร่งครัด รับรองว่าเที่ยวสนุก แถมยังไม่รบกวนคนพื้นที่แน่นอน
2. บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
บาร์เซโลนาไม่ได้มีแต่ทีมฟุตบอล เมืองแห่งนี้ยังเป็นแหล่งรวมสถาปัตยกรรมชื่อดังของศิลปินก้องโลก “อันโตนี เกาดี ซึ่งมีผลงานชิ้นเอกอย่างมหาวิหาร ซากราดาฟามิลิอา (La Sagrada Familia) ที่ออกแบบด้วยศิลปะแนวอาร์ตนูโว แหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ไปเหมือนมาไม่ถึง เพราะ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก ภายในเมืองยังมีสถาปัตยกรรมหลายแห่งที่เกาดีออกแบบ เช่น สวนปาร์ค กูเอล (Park Guell) สวนสาธารณะที่ออกแบบอย่างซับซ้อนสวยงามด้วยเส้นโค้ง และงานเซรามิก, คาซ่า มิล่า (Casa Mila) เดิมเป็นที่พักอาศัยของครอบครัวมิล่า ปัจจุบันกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ของเกาดีและจุดชมวิวเมืองบาร์เซโลนา 360 องศา และคาซ่า บัตโล่ (Casa Batllo) บ้านของตระกูลบัตโล่ที่โดดเด่นด้วยระเบียงดีไซน์โครงกระดูก
ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายในเมืองนี้ คุณสามารถเดินเล่นชอปปิงย่านเมืองเก่าที่ถนนคนเดิน La Rambla ชมสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่มหาวิหาร บาร์เซโลนา (Cathedral of Barcelona) เดินเล่นริมทะเลชายหาดบาร์เซโลนา สำหรับคอฟุตบอลก็สามารถเข้าชมสนามฟุตบอลได้ และก่อนวางแผนไปเที่ยวอย่าลืมขอวีซ่าเชงเก้น (Schengen) ซึ่งเป็นวีซ่าท่องเที่ยวในเขตยุโรปด้วย
3. ไคโร ประเทศอียิปต์
ไคโร เมืองหลวงแห่งอารยธรรมเก่าแก่ของโลกเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวในฝันของใครหลายๆ คน สัมผัสกับบรรยากาศของเมืองใหญ่ที่มีทั้งความคึกคัก และความเงียบสงบ พื้นที่โบราณสถานผสมกับสถาปัตยกรรมร่วมสมัยในพื้นที่เดียวกัน เริ่มจากเยี่ยมชม พีระมิดแห่งกีซ่า (Giza Pyramids) หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ พร้อมชมสฟิงซ์ (The Sphinx) รูปปั้นกึ่งมนุษย์กึ่งสิงโตขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน หากมีเวลาเหลือ ขอแนะนำให้เดินทางท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญล่องแม่น้ำไนล์จากเมืองอัสวานสู่เมืองลักซอร์ ชมวิถีชีวิตริมน้ำ รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์ วิหารอาบูซิมเบล หรือวิหารลักซอร์ เป็นต้น
อียิปต์ยังมีพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน แหล่งชอปปิงสินค้าพื้นเมืองมากมายรอให้สัมผัส สำหรับนักท่องเที่ยวไทยนั้น การเดินทางไปอียิปต์จำเป็นต้องทำวีซ่า หากมีแพลนท่องเที่ยวแล้วควรเผื่อเวลาการทำวีซ่าไว้ด้วย เนื่องจากภูมิประเทศของอียิปต์เป็นทะเลทราย ช่วงกลางวันจะร้อนจัด และกลางคืนจะมีอากาศที่เย็น ลมแรง ขอแนะนำว่าหลีกเลี่ยงการท่องเที่ยวอียิปต์ในช่วงฤดูร้อน (ช่วงเดือนมิถุนายน - สิงหาคม) เพราะเป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุด แนะนำว่าให้เริ่มท่องเที่ยวในฤดูใบไม้ร่วง (ช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน) อากาศจะเย็นสบายกว่า และอย่าลืมพกอุปกรณ์กันแดดให้พร้อม รวมถึงอุปกรณ์กันลม กันหนาวสำหรับช่วงกลางคืนด้วย
4. ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา
ลอสแอนเจลิส หรือที่นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า “แอลเอ (LA)” ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย นครใหญ่แสนสนุกที่มีสถานที่น่าสนใจมากมาย มีทั้งอาณาจักรแห่งความบันเทิงอย่างฮอลลีวูด (Hollywood), สวนสนุกระดับโลก ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ ฮอลลีวูด (Universal Studios Hollywood), พิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่า ชายหาด และวัฒนธรรมมากมายมารวมไว้ด้วยกัน หรือจะถ่ายรูปตัวเองกับป้าย Hollywood, เที่ยวหอดูดาวกริฟฟิท (Griffith) ที่สามารถชมวิวเมือง LA ได้ทั้งเมือง, เดินตามหาชื่อของดาราคนโปรดที่ ฮอลลีวูด วอล์ก ออฟ เฟม (Hollywood Walk of Fame) เป็นทางเท้าที่ประดับด้วยแผ่นหินตบแต่งเป็นรูปดาว 5 แฉก พร้อมชื่อของนักแสดงและบุคคลที่มีชื่อเสียง ต่อด้วยเที่ยวชิลๆ ริมหาดซานตาโมนิก้า (Santa Monica) ที่มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ที่พัก สวนสนุกริมทะเล หรือจะเยือนถิ่นเซเลปย่านเบเวอร์ลี ฮิลส์ (Beverly Hills) ก็ย่อมได้
ลอสแอนเจลิสนั้นสามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปี มีทั้งพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และตลาดนัด (Flea Market) ที่น่าสนใจอีกมากมาย หากอยากท่องเที่ยวให้ทั่วเมือง แนะนำให้เช่ารถยนต์จะสะดวกคล่องตัวที่สุด
5. รีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล
รีโอเดจาเนโร เมืองแห่งสีสันและวัฒนธรรม ตั้งอยู่ในภูมิประเทศแสนพิเศษที่มีชายหาดทอดยาว รวมไปถึงยอดเขาป่าฝนดิบชื้นอยู่ด้วยกัน รีโอเดจาเนโรยังเคยเป็นเมืองสำคัญที่ผ่านการจัดงานแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างฟุตบอลโลกและโอลิมปิกมาแล้วอีกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นอันดับหนึ่งคือยอดเขาคอร์โควาโด (Corcovado) ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปปั้นพระเยซูคริสต์ขนาดยักษ์ และยังเป็นจุดชมวิวสุดตระการตาของรีโอเดจาเนโรทั้งเมือง จากนั้นเดินทางสู่หาดอีปาเนมา (Ipanema) หนึ่งในหาดทรายขาวสวยที่สุดในโลก จะเล่นกีฬาทางน้ำหรือนอนอาบแดดก็ได้บรรยากาศ แวะเดินเล่นย่านลาป้า (Lapa) พร้อมชมการเต้นแซมบ้าช่วงสุดสัปดาห์ และอย่าลืมแวะชมการแข่งขันฟุตบอลที่มาราคาน่า (Maracanã Stadium) สเตเดียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอลในบราซิล
รีโอเดจาเนโร ยังมีเทศกาลสำคัญประจำปีคือ ริโอ คาร์นิวัล (Carnaval do Rio de Janeiro) งานเทศกาลคาร์นิวัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งร้องทั้งเต้น มีการจัดขบวนพาเหรดยิ่งใหญ่สีสันฉูดฉาดสวยงาม โดยมักจะจัดในเดือนกุมภาพันธ์ หรือมีนาคมของทุกปี ที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวไทย หากต้องการไปบราซิล ไม่ต้องขอวีซ่า เตรียมตัวให้พร้อมแล้วออกเดินทางกันได้เลย
การท่องเที่ยวทำให้เราได้สัมผัสวัฒนธรรม สภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตที่แตกต่าง ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ ประสบการณ์ที่ได้รับจากการเดินทางนั้นเป็นความทรงจำอันล้ำค่า เมื่อตัดสินใจเลือกสถานที่เที่ยวที่ต้องการเดินทางไปได้แล้ว ก็ควรวางแผนเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง จองเที่ยวบิน ที่พัก และดำเนินการขอวีซ่า อีกเรื่องที่สำคัญมากที่สุดเช่นกันคือเตรียมเงินสำหรับใช้จ่ายให้เพียงพอในกรณีที่เกิดเหตุจำเป็น บัตรกดเงินสดเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยทางการเงินที่ดี ที่ไว้สำหรับใช้จ่ายเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง
หากสนใจสามารถสมัครบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสผ่านทางออนไลน์ได้ที่ https://www.umayplus.com/cashcard/applyform ตลอด 24 ชั่วโมง
*อัตราดอกเบี้ย 19.8% - 25% ต่อปี, ดูเงื่อนไขได้ที่เว็บไซต์ยูเมะพลัส, กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว